ทั้งนี้ ราคาน้ำมันโลกทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีสาเหตุมาจากกระแสการคาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่นจีนและอินเดียจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นความต้องการน้ำมันดิบด้วย
อย่างไรก็ตาม อารมณ์ความรู้สึกของนักลงทุน แปรเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 เพราะ วิกฤติสินเชื่อในสหรัฐทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภค และการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมดิ่งลงทั่วโลก
ส่วนในสัปดาห์นี้ มีความหวาดกลัวกันว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มหัวรุนแรงฮามาสในฉนวนกาซา อาจเพิ่มความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แหล่งน้ำมันโลก ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น หลังจากที่ดิ่งลงในระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี อยู่ที่ 33.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ขณะที่ในปีนี้ นักลงทุนยังคงพุ่งเป้าไปที่สัญญาณของความต้องการน้ำมันดิบหดตัว เพราะสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ต่างเผชิญหน้ากับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ต่างก็ดิ้นรน ต่อสู้กับอัตราการเติบโตที่ชะลอตัว.
ข่าวจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 2 มกราคม 2552
เนื่องด้วยสภาวะเศรฐกิจที่ถดถอย และย่ำแย่
ตอบลบมีผลทำให้ความต้องการ การใช้น้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง
ตราบใดที่สินเชื่อสหรัฐยังไม่ฟื้นตัว วิกฤติเศรษฐกิจและความต้องการ
การใช้น้ำมันอาจจะดิ่งลงไปเรื่อยๆ
ความต้องการน้ำมันนั้นได้ปรับตัวลดลง เห็นได้ชัดว่า ราคาน้ำมันนั้นก็ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน เนื่องจากเกรงว่า ยอดการซื้อนั้นจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ก็ดีกับประชาชนนั่นเอง เเพราะลดภาระค่าใช้จ่าย และลดค่าใช้จ่ายในการผลิตอีกด้วย
ตอบลบแม้ ความต้องการน้ำมันที่น้อยลงทำให้น้ำมันมีราคาที่ต่ำลงก็ตาม แต่ดูจากสถานการณ์ที่ตะวันออกกลางแล้ว คาดว่าอีกไม่นานราคาน้ำมันก็จะสูงขึ้นแม้เศรษฐกิจจะยังคงชะลอตวอยู่ก็ตาม
ตอบลบการที่เศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ผู้คนรู้จักประหยัดมากขึ้น ทั้งการลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และการใช้น้ำมันที่ลดลง ในเมื่อความต้องการน้ำมันในตลาดลดลง ราคาน้ำมันก็ต้องลดลงตามไปด้วย อีกทั้งประเทศอุตสาหกรรมหลักที่ต้องใช้น้ำมันในการดำเนินการผลิต ก็ต้องลดการผลิดลงทำให้ใช้น้ำมันลดลงเช่นกัน แต่การที่ราคาน้ำมันจะลดลงแบบนี้นั้น ก็คงเป็นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะปัญหาในตะวันออกกลางซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันโลก อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น
ตอบลบเห็นด้วยกับคุณ worawan เพราะผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกต่ำลง ซึ่งช่วยให้ประชาชนไม่ต้องทนแบกรับราคาน้ำมันที่สูงอย่างในอดีต แต่ถึงกระนั้นก็ต้องคอยติดตามข่าวสารทางด้านเศรษฐกิจเพราะราคาน้ำมันแปรผันอยุ๋ตลอดเวลาซึ่งในไม่ช้ามันอาจจะมีราคาที่สูงอีกก็ได้
ตอบลบเศรษฐกิจ โลกตกต่ำ...จึงมีผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ถ้ามองในอีกแง่... อาจจะมีผลดีต่อผู้ที่ทำธุรกิจในด้านการขนส่งต่างๆ
ตอบลบ