ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ 1.4067 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร เทียบกับค่าเงินเมื่อวันอังคารอยู่ที่ 1.4002 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร นับว่าอ่อนค่าต่ำสุดมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับเงินเยนของญี่ปุ่นอยู่ที่ 89.01 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่ำสุดอยู่ที่ 88.53 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนเงินเยนเทียบกับเงินยูโรอยู่ที่ 125.34 เยนต่อยูโร จากเมื่อวันก่อนอยู่ที่ 124.71 เยนต่อยูโร ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับเงินเยนจะเทรดในระดับต่ำสุดที่ 85 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ
เวลานี้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 12% เมื่อเทียบกับเงินยูโร จากที่เคยทำสถิติซื้อขายสูงสุดอยู่ที่ 1.2330 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา และอ่อนค่าลงถึง 20% เมื่อเทียบกับเงินเยนภายในปีนี้ ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวของค่าเงินปอนด์อังกฤษ มีการซื้อขายเมื่อวันพุธที่ 90.18 เพนซ์ต่อยูโร เทียบกับเมื่อวันอังคารอยู่ที่ 89.94 เพนซ์ตอยูโร
การที่ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงอีกครั้งเพราะนักลงทุนในตลาดการเงินเชื่อมั่น ว่าธนาคารกลางอังกฤษที่กำลังจะประชุมภายในเดือนนี้จะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ลงไปอยู่ที่ระดับ 2.00% เป็นการปรับลดตามสหรัฐ
มีแนวโน้มว่าหากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับเงิน เยนและยูโรจะทำให้ธนาคารในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม 7 ชาติหรือจี-7 ยอมให้ธนาคารแต่ละประเทศเข้าแทรกแซงการซื้อขายค่าเงินเหมือนที่เกิดขึ้นในปี 1995 เมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่ำสุดอยู่ที่ 79.75 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
จากการที่ค่าเงินดอลลาห์สหรัฐอ่อนค่าลง แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งค่าเงินดอลลาห์สหรัฐมีแนวโน้มที่จะลดลงอีกเรื่อยๆ ทำให้ไม่มีใครอยากถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐไว้มากนัก ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินปอนด์อังกฤษอ่อนตามลงไปด้วยเพราะ นักลงทุนในตลาดการเงินเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางอังกฤษ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงตามสหรัฐ ดังนั้นนักลงทุนจึงหันไปถือเงินยุโรปและทองคำมากขึ้น ทำให้เงินยุโรปแข็งค่าขึ้น ราคาทองคำสูงขึ้น และทำให้ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าที่สุดในรอบ 9 ปีอีกด้วย
จากการที่ค่าเงินดอลลาห์สหรัฐอ่อนค่าลง ทำให้ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก
ตอบลบยิ่งถ้าสถานการณ์การเมืองนี่ไม่นิ่งเช่นนี้
ทำให้นักลงทุนต่างประเทศ เกิดความไม่มั่นใจ และไม่กล้าลงทุน
การที่เงินดอลล่าร์ หรือ เงินปอน์็ด อ่อนตัวลงนั้น จะส่งผลกระทบในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจส่งออก หรือ การท่องเที่ยวต่างๆ เพราะ ค่าเงินประเภทนี้ ถือว่าเป็นค่าเงินที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะเนื่องจากเป็นค่าเงินที่ใช้กันในหลายประเทศในแทบทวีปยุโรป
ตอบลบการที่ลดดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารสหรัฐฯ ลงนั้นน่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ ต้องการให้นักธุรกิจมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจของตน
ตอบลบและเหตุเกิดจากค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลง ทำให้นักลงทุนที่ซื้ื้อขายพันธบัตรหันไปซื้อขายสินทรัพย์อย่างอื่น
แต่.... ผมคิดว่า การที่ค่าเงินสหรัฐอ่อนค่าลง เป็นโอกาสที่น่าจะตุนเงินดอลล่าร์ไว้ เมื่อตอนที่มันยังมีราคาต่ำอยู่ ณ ตอนนี้เพื่อนำไปเก็งกำไรในระยะยาวตอนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว
ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกเศรษฐกิจครับ
ตอบลบทุกอย่่างจะดีเอง
การที่ค่าเงินดอลล่า อ่อนตัวลง ส่งผลให้เศรษฐกิจของโลกมีความแปรปรวนสูงเพราะค่าเงินดอลล่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการลงทุนของนักลุงทุน
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ไทย และประเทศอื่นๆ สามารถเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของตนเองให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐนั้น มีอิทธิพลมาเป็นเวลานาน
ตอบลบตอนนี้จึงควรขยายการผลิต การส่งออก และพัฒนาเศรษฐกิจให้ทัดเทียมกับประเทศมหาอำนาจอื่นๆอีกด้วย
ขอบคุณมากครับ
ตอบลบ